เวลาเราพูดถึงคำว่า "รวย" หลายคนอาจจะนึกถึงโชค การถูก หวยไว หรือการมีมรดกติดตัวจากรุ่นพ่อแม่ แต่เอาจริงๆ แล้วคนที่ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่ ล้วนมีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกันนั่นคือ “ทักษะในการขายและการเจรจาต่อรอง” ไม่ว่าจะเป็นเจ้าของธุรกิจ นักขายมือทอง หรือแม้แต่พนักงานธรรมดาๆ ที่ไต่เต้าจนเป็นหัวหน้า ทุกคนต้องรู้จักขายสิ่งที่ตัวเองมี และพูดให้คนฟังรู้สึกอยากร่วมมือกับเราให้ได้
เพราะถ้าเราขายไม่เป็น ต่อให้มีไอเดียดีแค่ไหนก็ไม่มีใครสนใจ และถ้าเจรจาไม่เก่ง เราอาจจะพลาดโอกาสดีๆ แค่เพราะพูดผิดจังหวะ ทักษะพวกนี้ไม่ได้สงวนไว้เฉพาะนักการตลาดหรือเซลส์ แต่ใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน และที่สำคัญคือ “ฝึกได้” ขอแค่เปิดใจ แล้วเริ่มต้นเรียนรู้วันนี้ ไม่ต้องรอให้มีเงินก่อน เพราะทักษะนี้จะช่วยให้คุณหาเงินได้ตลอดชีวิต
ทำไม “การขาย” ถึงเป็นทักษะพื้นฐานของคน อยากรวย ?
คำว่า “การขาย” ฟังแล้วอาจดูเบสิค แต่จริงๆ แล้วมันคือแก่นแท้ของการทำเงินเลยก็ว่าได้ เพราะไม่ว่าคุณจะทำอาชีพอะไร คุณก็ต้องรู้จักเสนอคุณค่าในสิ่งที่คุณทำให้คนอื่นเชื่อและอยากซื้อ ถ้าคุณขายของก็ต้องรู้วิธีปิดการขาย ถ้าคุณขายบริการก็ต้องรู้วิธีนำเสนอความคุ้มค่า และถ้าคุณเป็นฟรีแลนซ์ คุณก็ต้องขาย “ตัวคุณเอง” ให้ลูกค้าเชื่อใจและจ้างงานซ้ำ
การขายจึงไม่ใช่แค่เอาสินค้าไปยัดเยียดใส่มือคนอื่น แต่มันคือการเข้าใจปัญหาของลูกค้า และเสนอทางแก้ให้เขาแบบจริงใจ คนรวยหลายคนเริ่มจากจุดเล็กๆ แค่กล้าขาย กล้านำเสนอ พอขายได้บ่อยๆ ก็เก่งขึ้น พอเก่งขึ้นก็เริ่มขยายธุรกิจ กลายเป็นเจ้าของกิจการที่มีรายได้ไม่จำกัด ทักษะนี้แหละที่ปั้นชีวิตได้จริงๆ
การเจรจาต่อรอง = ทักษะเปลี่ยนชีวิต
เคยมั้ยที่รู้สึกว่าเราน่าจะได้อะไรบางอย่างมากกว่านี้ แต่ก็ไม่กล้าพูด ไม่กล้าขอ นั่นแหละคือสิ่งที่คนส่วนใหญ่พลาด เพราะไม่กล้าเจรจาต่อรอง ทั้งที่บางเรื่องแค่พูดดีๆ ก็อาจได้ผลลัพธ์ที่ต่างออกไปแบบสุดขั้ว การเจรจาไม่ใช่การบีบบังคับอีกฝ่าย แต่คือการหาจุดลงตัว ที่ทำให้ทั้งสองฝ่าย “โอเค” ไปด้วยกัน
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน เงินเดือน หรือแม้แต่ปัญหาในความสัมพันธ์ ทักษะการเจรจาช่วยให้เราเข้าใจอีกฝ่ายมากขึ้น และเสนอสิ่งที่เราต้องการได้อย่างมีชั้นเชิง ถ้าเรารู้จักใช้คำพูด รู้จังหวะพูดและฟังให้เป็น โอกาสที่จะได้ในสิ่งที่ต้องการก็สูงขึ้นเยอะเลย บางคนแค่พูดคล่องๆ ขึ้นเงินเดือนได้เป็นหมื่น หรือปิดดีลธุรกิจได้ทั้งๆ ที่ต้นทุนมีน้อยมาก
วิธีฝึกทักษะการขายแบบง่ายๆ ให้ดูโปร
เริ่มฝึกการขายไม่จำเป็นต้องไปลงทุนเปิดร้านใหญ่โต แค่เริ่มจากการขายของที่เรารู้จักดี หรือของที่เราใช้เอง เช่น เครื่องสำอางที่ใช้แล้วชอบ หนังสือที่เคยอ่านแล้วอิน หรือคอร์สเรียนที่เปลี่ยนความคิดเราได้จริง การเริ่มจากสิ่งที่อิน จะทำให้เราพูดได้อย่างมั่นใจ และไม่รู้สึกว่าต้องยัดเยียด
นอกจากนี้การเล่าเรื่องเป็นอีกหนึ่งเทคนิคที่ทรงพลังมาก คนส่วนใหญ่ไม่ชอบถูกขาย แต่ชอบฟังเรื่องราว เพราะมันมีอารมณ์ มีความเชื่อมโยง การขายที่ดีจึงไม่ใช่แค่การยัดโปรโมชั่นใส่ลูกค้า แต่คือการเล่าเรื่องให้เขารู้สึกว่า “ของชิ้นนี้มันตอบโจทย์ชีวิตเขา” ได้อย่างไร ยิ่งฝึกเล่า ยิ่งเก่ง ยิ่งปิดการขายได้สบายขึ้น
เจรจาให้เก่ง เริ่มจากเข้าใจคนก่อน
การเจรจาไม่ใช่แค่เรื่องของคำพูด แต่เป็นเรื่องของ “ใจ” ด้วย ถ้าเราเข้าใจว่าอีกฝ่ายต้องการอะไรจริงๆ เราก็จะรู้ว่าเราควรเสนออะไรกลับไปให้เขารู้สึกว่าได้ประโยชน์ร่วมกัน เช่น เวลาคุยกับหัวหน้าเรื่องขึ้นเงินเดือน เราไม่ควรแค่บอกว่า “อยากได้เพิ่ม” แต่ควรเสนอว่า “สิ่งที่ทำอยู่สร้างผลลัพธ์อะไรบ้าง” แล้วค่อยชวนเจรจา
การเจรจาแบบมืออาชีพจะดูมั่นใจ แต่ไม่กดดัน จะมีน้ำเสียงที่หนักแน่นแต่สุภาพ และจะรู้ว่าเมื่อไหร่ควรพูด เมื่อไหร่ควรเงียบ การใช้ภาษากาย สบตา หรือเว้นจังหวะระหว่างประโยคก็มีผลต่อความรู้สึกของคนฟัง ถ้าเราเจรจาเก่ง ชีวิตเราจะไม่ถูกกดราคา ไม่ถูกกดค่า และไม่ต้องยอมอะไรแบบที่ไม่สมควรจะยอม
ทักษะ 2 อย่างนี้ ไม่ได้มีไว้แค่สำหรับคน อยากรวย อย่างเดียว
แม้คุณจะไม่ได้เปิดร้านค้า หรือทำธุรกิจอะไรเลยก็ตาม แต่เชื่อเถอะว่า “การขาย” และ “การเจรจา” ใช้ได้ทุกวันในชีวิตจริง ลองนึกถึงตอนคุณสัมภาษณ์งาน คุณต้องพูดให้ HR เชื่อว่าคุณเหมาะกับตำแหน่งนั้นใช่ไหม? นั่นแหละคือการขายตัวเอง และถ้าคุณอยากต่อรองเรื่องเวลางาน หรือขอรีบกลับก่อน นั่นก็เจรจาแล้วนะ!
ชีวิตคู่ก็เหมือนกัน จะอยู่ด้วยกันได้ราบรื่น ต้องมีทักษะการพูดคุย ต่อรอง แบ่งหน้าที่กันให้เข้าใจ ไม่ใช่เอาแต่ใจตัวเองหรือเงียบใส่กัน ทักษะนี้ถ้าได้ฝึกไว้ ไม่ว่าคุณจะอยู่ในสถานการณ์ไหนก็เอาตัวรอดได้ดีขึ้น แถมยังช่วยให้คุณดูเป็นคนมีเสน่ห์ น่าคบหา น่าทำงานด้วยอีกต่างหาก
สรุป
การขายกับการเจรจาไม่ใช่แค่เรื่องของธุรกิจ แต่มันคือ “ทักษะใช้ชีวิต” ที่ทุกคนควรมี ถ้าคุณอยากรวย อยากเติบโต อยากมีโอกาสในชีวิตมากขึ้น ห้ามมองข้ามสองสิ่งนี้เด็ดขาด เพราะมันช่วยให้คุณสื่อสารได้ดีขึ้น สร้างความเชื่อมั่นได้มากขึ้น และทำให้คนอยากร่วมมือกับคุณมากขึ้นแบบไม่ต้องพยายามเกินไป